ความอ้วน ถือเป็นศัตรูสำคัญของหญิงสาวหลายๆ ท่านเลยทีเดียว มีหลายคนที่ยังเข้าใจเกี่ยวกับวิธีการลดความอ้วนอยู่แบบผิดๆ และอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกาย ดังนั้น เราขอเสนอ เคล็ดลับในการลดความอ้วน ชนิดที่เรียกได้ว่า ไม่ต้องพึ่งพา ยาลดความอ้วน ที่มีอันตรายต่อร่างกาย ส่วนคุณผู้หญิงท่านใดที่มีรูปร่างผอมเพรียวสมส่วนอยู่แล้ว เรามีเคล็ดลับในการควบคุมรูปร่างให้ฟิตอยู่เสมอมาฝาก ดังนั้นมาดูเคล็ดลับที่ว่านี้กันเลยดีกว่า
การรักษารูปร่างให้สวยงาม ควบคู่ไปกับการควบคุมน้ำหนักให้ได้ผลนั้น คุณควรใช้วิธีคุมอาหารไปพร้อมกับการออกกำลังกาย (ไม่ได้หมายความว่า กินไปวิ่งไปหรอกนะ) เพราะการออกกำลังกายจะเร่งกระบวนการเผาผลาญพลังงานของอาหาร ทำให้ร่างกายนำไขมันออกมาใช้มากขึ้น ดังนั้น อาหารที่คุณกินเข้าไปจะถูกเผาผลาญอย่างรวดเร็ว (ยกเว้นผู้ที่มีไขมันส่วนเกิน อาจใช้เวลาในการเผาผลาญพลังงานนานกว่าปกติ) และไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ทำงานหรือที่บ้าน การพยายามเคลื่อนไหวตัวให้มากที่สุดจะทำให้คุณเผาผลาญแคลอรี่ได้มากขึ้นนั่น เอง หรือในช่วงที่คุณออกกำลังกาย การฟังเพลงที่เร้าใจตอนออกกำลังกายจะช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้คุณออกกำลัง กายอย่างต่อเนื่อง และการออกกำลังกายในตอนเย็นช่วง 16.00-18.00 น. นั้น จะเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดเพราะจะทำให้คุณนอนหลับฝันดี โดยเฉพาะการออกกำลังกายชนิดที่ช่วยเผาผลาญพลังงานอย่างต่อเนื่อง เช่น การวิ่ง เดิน ว่ายน้ำ หรือแอโรบิค เป็นเวลาอย่างน้อย 30 นาที ทั้งนี้ หลังจากออกกำลังกายเสร็จสิ้น คุณสามารถที่จะทานน้ำเปล่าสะอาดๆ ได้ แต่ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีน้ำตาลผสม เนื่องจากระบบเผาผลาญพลังงาน จะเปลี่ยนไปเป็นการเผาผลาญพลังงานที่คุณรับมาในตอนนั้นแทน แทนที่ร่างกายคุณจะทำการเผาผลาญพลังงานที่สะสมอยู่ในร่างกายต่อไป ทำให้ที่ทำมาทั้งหมด สูญเปล่า

การรับประทานอาหารมื้อเล็กๆ 5-6 มื้อ โดยทิ้งช่วงเวลาให้ห่างกันสัก 2-3 ชั่วโมง จะช่วยทำให้คุณไม่รู้สึกเฉื่อยชา และเมื่อคุณต้องรับประทานอาหารที่มีแคลอรี่ต่ำ ควรรับประทานผักและผลไม้ให้มากเป็นประจำ เพราะผักและผลไม้นี้ นอกจากจะช่วยควบคุมน้ำหนักแล้ว ยังอุดมไปด้วยวิตามินที่มีประโยชน์ต่อความสวยของคุณอีกด้วย และช่วยลดระดับไขมัน ลดโคเรสเตอรอลในร่างกายอย่างได้ผลอีกด้วย
เนื้อสัตว์ ควรรับประทานปลาหรือเนื้อสัตว์ที่ไม่ติดมันเป็นประจำ โดยเฉพาะเนื้อปลาซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่าเป็นโปรตีนชั้นดี และมีกรดไขมัน โอเมก้า 3 ที่ช่วยป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ ส่วนของหวานนั้นคุณไม่จำเป็นต้องเลิกรับประทาน เพราะการทานนานๆ ครั้ง ไม่ได้ทำให้แผนลดน้ำหนักของคุณต้องล้มเหลวลง ถ้าคุณขยันออกกำลังกายมากขึ้นในสัปดาห์นั้น หรือในวันที่คุณคิดว่าคุณทานไปเยอะแล้ว
นอกจากนี้การดื่มน้ำในช่วงตื่นนอนก็ช่วยทำให้คุณสดชื่นและเป็นการช่วยระบาย ท้อง ทำให้ระบบการขับถ่ายทำงานได้ผลดีขึ้น ช่วยลดความอึดอัดในท้องได้ ช่วยละลายกรดและแบคทีเรียที่สะสมในลำไส้ ส่วนการดื่มน้ำในระหว่างวันก็จะช่วยทำให้คุณรู้สึกสดชื่น กระปรี้ กะเปร่า หลังจากการรับประทานอาหารแคลอรี่ต่ำ
อีกวิธีที่สำคัญคือ ควรนอนหลับให้เพียงพอ เพราะการหลับไม่เต็มอิ่มนั้น เป็นสาเหตุที่ทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นอีกด้วย เนื่องจากเป็นที่ทราบกันดีว่า การพักผ่อนหลับสนิท เป็นการเผาผลาญพลังงานที่ดีอีกด้วย ร่างกายดูดซับพลังงานได้อย่างเต็มที่ หากหลับไม่สนิท พลังงานที่มีจะไม่ถูกดึงไปใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มที่ ร่างกายก็จะสะสมพลังงานในรูปไขมัน ดังนั้นโดยเฉลี่ยแล้วคุณผู้หญิงควรจะนอนประมาณ 9 ชั่วโมง 25 นาที ไม่ใช่ 8 ชั่วโมงอย่างที่เคยเชื่อกัน เพราะจะทำให้สมองได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ และทำให้เซลล์ของร่างกายได้ซ่อมแซมตัวเองไปในตัว
อุปสรรคสำคัญที่ทำให้การลดน้ำหนักของคุณไม่ได้ผลก็คือ ความรู้สึกท้อแท้ เบื่อหน่าย ที่ต้องทนเห็นน้ำหนักตัวไม่ขยับลงอย่างที่ควรจะเป็น บางครั้ง เป็นเพราะคุณคาดหวังผลเร็วเกินไป แต่ขอให้เชื่อว่าการลดน้ำหนักอย่างต่อเนื่องไม่เร่งให้น้ำหนักตัวลดลงอย่าง ฮวบฮาบนั้น แม้จะได้ผลช้า แต่รับประกันได้ว่า ไม่เป็นผลเสียต่อสุขภาพอย่างแน่นอน และยังได้ผลที่ถาวรกว่าการควบคุมน้ำหนักแบบฮวบฮาบ ชั่วครั้งชั่วคราวอีกด้วย
ข้อสำคัญ พยายามคิดให้ได้ว่า รับพลังงานมาเยอะ ก็ควรใช้ออกไปเยอะๆ อย่าเหลือเก็บ จะไม่สะสมในร่างกายแน่นอน
คำถามที่ผู้หญิงอยากรู้ในการออกกำลังกาย
- ผู้หญิงที่ออกกำลังมากๆ ทำให้เป็นคนที่มีกล้ามใหญ่ น่องใหญ่ ใช่หรือไม่
ผู้หญิงส่วนใหญ่มักจะกลัวว่า การวิ่งหรือการปั่นจักรยานมากๆ จะทำให้น่องโตเหมือนผู้ชาย ซึ่งเป็นความเข้าใจที่ไม่ถูกต้อง ดังที่ได้กล่าวมาแล้วในตอนต้นว่าการเพิ่มมวลของกล้ามเนื้อต้องอาศัยเพศชาย คือ Testosterone ผู้หญิงที่ออกกำลังกายจะมีกล้ามเนื้อที่แข็งแรงขึ้น แต่มัดกล้ามเนื้อจะไม่ใหญ่ (Browne and Wilmor 1974) การออกกำลังกายจะทำให้ปริมาณไขมันที่แทรกอยู่ระหว่างมัดกล้ามเนื้อลดลงทำให้ รู้สึกว่ากล้ามเนื้อมีความตึงแข็งขึ้น กว่าเดิมได้บ้าง แต่ถ้าหยุดออกกำลังกายเมื่อใด ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อจะค่อยๆ ลดลงและมีไขมันมาแทรกมากขึ้น กล้ามเนื้อจะนุ่มลงคล้ายกับระยะก่อนออกกำลังกายได้
- การวิ่งกระโดดจะทำให้ มดลูกหย่อน ได้จริงหรือไม่?
คนโบราณมักจะอ้างว่า การวิ่งหรือการกระโดดเป็นสาเหตุที่ทำให้มดลูกหย่อน ซึ่งถ้าเป็นสตรีในระยะหลังคลอด ก็คงจะมีส่วนที่ถูกต้องอยู่บ้าง เนื่องจากเนื้อเยื่อภายในอุ้งเชิงกรานบวมน้ำ และมีความยืดหยุ่นมากกว่าปกติ แต่สำหรับสตรีทั่วไป การวิ่งหรือการกระโดดไม่ทำให้มดลูกหย่อน เพราะอวัยวะภายในอุ้งเชิงกราน (pelvic diaphragm) ซึ่งประกอบไปด้วยกล้ามเนื้อและพังผืดต่างๆ มากมายมดลูกอาจหย่อนยานได้ถ้ากล้ามเนื้อบริเวณดังกล่าวอ่อนแรงลง เช่น ในหญิงที่มีบุตรมากหรือกระบังลมอุ้งเชิงกรานมีความผิดปกติแต่กำเนิดซึ่งอาจ ป้องกันและรักษาได้ โดยให้ผู้ป่วยขมิบก้นบ่อยๆ เพื่อให้กล้ามเนื้อที่ฝีเย็บแข็งแรงและกระชับขึ้น
- การเล่นกีฬาจะทำให้ เต้านมอักเสบ ได้หรือไม่?
โดยปกติ ขณะที่วิ่งหรือกระโดดเต้านมจะแกว่งได้เล็กน้อย ไม่ว่านักกีฬาจะมีการสวมเสื้อยกทรงหรือไม่ แต่ไม่ถึงกับจะทำให้เกิดการบาดเจ็บหรืออักเสบมากกว่าคนปกติยกเว้นว่า นักกีฬาผู้นั้นจะมีเต้านมที่ใหญ่และหนักมากๆ การแกว่งของเต้านมก็อาจทำให้เกิดอาการเจ็บเต้านมได้บ้าง ควรแนะนำให้สวมเสื้อยกทรงระหว่างที่ออกกำลังกายเพื่อพยุงเต้านมไว้ไม่ให้ แกว่งมากเกินไป เสื้อยกทรงที่เหมาะสมสำหรับนักกีฬา ควรตัดเย็บด้วยผ้าที่ไม่แข็ง ไม่มีตะเข็บ ไม่ควรมีโครงเป็นโลหะที่อาจจะขัดสีกับผิวหนัง และไม่ควรตัดเย็บด้วยผ้ายืดเพราะจะพยุงเต้านมได้ไม่ดี นักวิ่งมาราธอนที่ไม่ชอบสวมเสื้อยกทรงขณะวิ่ง อาจใช้พลาสเตอร์ปิดทับหัวนมไว้เพื่อไม่ให้ขัดสีกับเสื้อผ้า มิฉะนั้นอาจเกิดอาการเจ็บที่หัวนมได้
- การวิ่งจะทำให้ เต้านมหย่อนยาน หรือไม่?
เป็นที่น่าสังเกตว่า เต้านมของหญิงชนเผ่าพื้นเมืองในแอฟริกาที่ไม่นิยมการสวมเสื้อผ้า มักจะหย่อนยานมากกว่าหญิงปกติ และเมื่อทำการศึกษาเพื่อดูการเคลื่อนไหวของเต้านมขณะวิ่งหรือขณะกระโดด ยังแสดงให้เห็นว่า เต้านมของนักกีฬาที่ไม่สวมเสื้อยกทรงจะมีการแกว่งมากกว่า จึงแนะนำว่าการสวมเสื้อยกทรงขณะออกกำลังกายน่าจะช่วยลดการหย่อนยานของเต้านม ได้ อย่างไรก็ตาม ยังมีผู้ถกเถียงว่าสาเหตุที่ทำให้เต้านมหย่อนยานไม่ได้เกิดจากการออกกำลัง กายแต่เพียงอย่างเดียว โดยให้เหตุผลว่า เต้านมของคนเราที่ยึดติดแน่นอยู่กับผนังด้านหน้าของทรวงอกนั้น เกิดจากการประสานกันของเนื้อเยื่อหลายชนิด เป็นต้นว่า ต่อมน้ำนม ไขมัน และพังผืด ถ้าเกิดการเปลี่ยนแปลงที่เนื้อเยื่อเหล่านี้ จะทำให้เต้านมหย่อนยานกว่าปกติได้ ยกตัวอย่างเช่น หญิงวัยสูงอายุ ต่อมน้ำนมจะฝ่อและมีสัดส่วนของไขมันที่เต้านมลดลง ในหญิงมีครรภ์ ต่อมน้ำนมจะขยายใหญ่ทำให้เต้านมมีน้ำหนักมากขึ้นประกอบกับการที่เนื้อเยื่อ พังผืดที่ช่วยพยุงเต้านมไว้มีความยืดหยุ่น และอ่อนตัวมากเต้านมจึงย้อยลงมากกว่าปกติ นักกีฬาที่ฝึกหนักจนกระทั่งสัดส่วนของไขมันในร่างกายลดต่ำลงมากๆ ก็อาจทำให้เต้านมมีขนาดเล็กและย้อยลงได้เล็กน้อย ถ้าลำพังแต่การวิ่งหรือการกระโดดจึงไม่น่าเป็นสาเหตุที่ทำให้เต้านมหย่อนยาน ได้
- การเล่นกีฬามากๆ จะทำให้ ดูไม่เป็นกุลสตรี จริงหรือไม่?
เชื่อว่าภาพพจน์ของสตรีไทยในปัจจุบันเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมาก ความเรียบร้อยแบบผ้าพับไว้หรือการอยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือน คงไม่ใช่สิ่งที่เหมาะสมกับยุคปัจจุบัน ซึ่งผู้หญิงต้องรับภาระในสังคมมากขึ้น และจำเป็นต้อพัฒนาให้เท่าทันกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นทั้งในด้าน เศรษฐกิจ สังคม และการเมือง ผู้หญิงในปัจจุบัน จึงควรเป็นผู้ที่มีบุคลิกภาพดีสง่างาม แคล่วคล่องว่องไว เชื่อมั่นในตนเอง มีการตัดสินใจที่ดี มีความอ่อนโยนแต่ไม่อ่อนแอ มีความแข็งแรงแต่ไม่แข็งกระด้าง ซึ่งบุคลิกภาพดังกล่าวนี้ มักจะพบในผู้หญิงที่เป็นนักกีฬา ดังนั้นถ้าได้แนะนำให้ผู้หญิงได้ออกกำลังกายหรือเล่นกีฬาบ้าง ก็จะเสริมสร้างความเป็นผู้มีบุคลิกภาพที่ดีได้
- ระหว่าง มีประจำเดือนไม่ควรเล่นกีฬา จริงหรือไม่ และขณะที่มีประจำเดือนจะทำให้สมรรถภาพในการแข่งขันลดลงหรือไม่?
- ผลของการมีประจำเดือนต่อสมรรถภาพทางการกีฬา
ในทางทฤษฎีการเปลี่ยนแปลงทางสรีรวิทยาของร่างกายขณะมีประจำเดือน จะไม่มีผลต่อสมรรถภาพร่างกาย ดังที่ได้กล่าวมาแล้วในตอนต้น และในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกมีนักกีฬาหญิงหลายคนที่สามารถทำสถิติได้ดีขึ้น เมื่อลงแข่งขันในระว่างที่มีประจำเดือน
อย่างไรก็ตาม ในทางปฏิบัติซึ่งกระทำโดยการสอบถามนักกีฬาหญิงพบว่า สมรรถภาพของการแข่งขันขณะที่มีประจำเดือนนั้น มีทั้งที่ดีขึ้น (โดยเฉพาะในวันแรกที่มีประจำเดือน) เท่าเดิม และลดลง สาเหตุที่ทำให้สมรรถภาพทางกายของนักกีฬาลดลงได้นั้น อาจเกิดจากอารมณ์เครียดขณะมีประจำเดือน หรือเกิดจากภาวะแทรกซ้อนขณะที่มีประจำเดือน เช่น ปวดประจำเดือน (Dysmenorrheal) มีประจำเดือนมากผิดปกติ (Hyper menorrhea) หรือเกิดจากความกังวล รู้สึกรำคาญ และขาดความคล่องตัวขณะมีประจำเดือน โดยไม่มีภาวะแทรกซ้อนใดๆ เลยก็ได้
บางคนกลัวว่าถ้าต้องฝึกซ้อมหนักขณะที่มีประจำเดือนเช่น การวิ่งระยะไกล เล่นวอลเลย์บอล เล่นยิมนาสติก หรือเทนนิส มดลูกอาจได้รับการกระทบกระเทือนมากเกินไปและทำให้เกิดภาวะเยื่อบุมดลูกงอก ผิดที่ (Endometriosis) ได้ เกี่ยวกับเรื่องนี้ ได้มีการศึกษาที่พอจะสรุปได้ว่า การฝึกซ้อมหนักนอกจากจะไม่เพิ่มอุบัติการณ์ของภาวะดังกล่าวแล้ว ผู้หญิงที่ออกกำลังสม่ำเสมอจะมีอุบัติการณ์ดังกล่าวลดลงเสียด้วยซ้ำ
ขณะมีประจำเดือนจะสามารถลงว่ายน้ำได้หรือไม่? จากการศึกษาสรุปได้ว่า การลงว่ายน้ำในสระว่ายน้ำขณะที่มีประจำเดือน ไม่ได้ทำให้อุบัติการณ์ของการติดเชื้อในช่องคลอดหรือการติดเชื้อในอุ้ง เชิงกรานสูงขึ้น สาเหตุสำคัญที่ต้องงดเว้นการลงว่ายน้ำในสระว่ายน้ำส่วนใหญ่ เป็นเหตุผลในแง่การดูแลรักษาความสะอาดของสระว่ายน้ำมากกว่า ถ้านักกีฬาจำเป็นต้องลงแข่งว่ายน้ำ เช่น ต้องลงแข่งขันนัดสำคัญ และไม่อาจกินยาเพื่อเลื่อนกำหนดวันมีประจำเดือนออกไปได้ ก็สามารถลงแข่งขันได้ โดยการใช้ผ้าอนามัยชนิดสอดช่องคลอดในระหว่างการแข่งขัน แต่การใช้ผ้าอนามัยชนิดนี้ควรเปลี่ยนบ่อยๆ ทุก 2-4 ชั่วโมง ไม่ควรสอดทิ้งไว้นานเกินไป เพราะอาจมีการติดเชื้อ Staphylococcus แทรกซ้อนและเป็นเหตุให้ถึงแก่ชีวิตได้ จากกลุ่มอาการที่เรียกว่า toxic shock syndrome
- ความจำเป็นในการเลื่อนกำหนดประจำเดือนเพื่อลงแข่งขัน
เมื่อกำหนดการแข่งขันตรงกับการมีประจำเดือน นักกีฬาอาจจะลังเลใจว่า จำเป็นหรือไม่ที่ต้องเลื่อนกำหนดการมีประจำเดือนออกไป ซึ่งอาจพิจารณาได้จากประวัติของการฝึกซ้อมและการมีประจำเดือนในครั้งก่อนๆ ถ้านักกีฬาสามารถฝึกซ้อมได้ตามปกติขณะมีประจำเดือน ก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องกินยาเพื่อเลื่อนประจำเดือน เพราะอาจก่อให้เกิดอาการแทรกซ้อนจากฤทธิ์อันไม่พึงประสงค์ของยา เช่น มีอาการมึนงง หรือปวดศีรษะ ซึ่งจะทำให้เกิดผลเสียต่อการแข่งขันมากกว่า เนื่องจากยาที่ใช้ในการเลื่อนประจำเดือนมักจะเป็นยาในกลุ่ม Estrogen แต่ถ้านักกีฬาไม่สามารถฝึกซ้อมได้ หรือฝึกซ้อมได้ไม่เต็มที่ในขณะที่มีประจำเดือน เนื่องจากมีอาการปวดประจำเดือน มีประจำเดือนมากผิดปกติ หรือมีอารมณ์หงุดหงิดมาก ซึ่งคิดว่าน่าจะเป็นอุปสรรคต่อการแข่งขัน
ประจำเดือนกับการออกกำลังกายของผู้หญิง
ในการออกกำลังกายโดยทั่วๆ ไปนั้น ไม่มีความแตกต่างกันมากนักระหว่างชายและหญิง หรือจะพูดว่าการออกกำลังกาย อะไรที่ผู้ชายทำได้ผู้หญิงก็จะทำได้ด้วย แต่อาจมีข้อยกเว้นบางประการเพราะมีบางเรื่องที่เกิดกับผู้หญิงแต่ไม่เกิดใน ผู้ชาย เช่น เรื่องของการมีรอบเดือน หรือการตั้งครรภ์ ซึ่งเป็นภาวะที่อาจมีผลต่อการออกกำลังกายได้
ถ้าเปรียบเทียบลักษณะโดยทั่ว ๆไปของชายและหญิงแล้วจะพบว่า ในวัยเด็กก่อนที่จะมีอายุ 10-12 ปีนั้น เด็กชายและหญิง จะมีความสามารถทางกายพอ ๆ กัน รวมทั้งรูปกายก็ไม่แตกต่างกันมากด้วย
เรื่องที่น่าสนใจในการออกกำลังกายของผู้หญิงคือเรื่องประจำเดือน เพราะมีผู้สงสัยกันมากว่า ในขณะที่กำลังมีประจำเดือน นั้นจะออกกำลังกายได้มากน้อยเพียงใด ซึ่งเรื่องนี้นักเรียนหรือนักกีฬาหญิงเคยใช้อ้างเพื่อยกเว้นการเล่นกีฬาหรือ ออกกำลังกายมานานแล้ว

นักสรีรวิทยาเกี่ยวกับการออกกำลังกายส่วนใหญ่จะถือว่า เรื่องการมีประจำเดือนนั้นเป็นเรื่องธรรมชาติของผู้หญิง หาใช่สิ่งที่ผิดปกติแต่อย่างใดไม่ ดังนั้นหากไม่มีอาการที่ผิดปกติร่วมด้วยแล้ว การมีประจำเดือนก็ไม่น่าจะเป็นอุปสรรคต่อ การออกกำลังกาย แต่อย่างใด นอกจากว่าจะมีปัญหาอื่น เช่น การลงว่ายน้ำในสระ อาจเกรงว่าจะทำให้สกปรกได้ เรื่องนี้ ดร.เอ.ไรอัน เคยกล่าวไว้ว่า ผู้ที่กำลังมีประจำเดือน หากใช้ผ้าอนามัยชนิดสอดเข้าในช่องคลอดได้กระชับดีแล้ว ก็ไม่น่ามีปัญหาที่จะลงว่ายน้ำในสระแต่อย่างใด
การออกกำลังกายหรือเล่นกีฬาที่หนักมากๆ นั้นมีผลต่อประจำเดือนของสตรีได้ เช่น ผู้ที่วิ่งมาก ๆ อาจทำให้ประจำเดือน ลดน้อยลง หรือถึงกับขาดประจำเดือนไปเลยก็ได้ เคยมีผู้ทำการวิจัยพบว่า
นักวิ่งระยะไกลที่วิ่งมากกว่าสัปดาห์ละ 30 ไมล์ หรือ 48 ก.ม. จะมีประจำเดือนขาดหายไปถึงร้อยละ 35 เทียบกับผู้หญิงที่ ไม่ได้วิ่งซึ่งจะมีอัตราที่ประจำเดือนผิดปกติขาดหายไปเพียงร้อยละ 4 เท่านั้น
การขาดหายไปของประจำเดือนในนักวิ่งนั้น ยังไม่มีคำอธิบายที่ชัดเจน แต่เกี่ยวกับระยะที่วิ่งแน่นอน ถ้ายิ่งวิ่งมากโอกาส ที่ประจำเดือนจะขาดก็มีมาก
นอกจากนี้ยังเชื่อว่า การที่ปริมาณของไขมันลดลงในนักวิ่งหญิงนั้นอาจเป็นเหตุเสริมที่ทำให้ประจำ เดือนน้อยลงด้วย ทั้งนี้ รวมถึงความเครียดที่เกิดขึ้นในนักวิ่งที่ทำการวิ่งแข่งขันด้วย
การขาดหายไปของประจำเดือนในนักวิ่งหรือนักกีฬานั้น เป็นการขาดที่ไม่ถาวร เมื่อใดที่หยุดออกกำลังอย่างหนัก ประจำเดือนก็จะกลับคืนมาเป็นปกติ
นายแพทย์คูเปอร์ ซึ่งเชียร์การวิ่งอยู่มาก ยังเขียนไว้ในหนังสือของเขาที่พิมพ์เมื่อ พ.ศ. 2525 ว่าผู้หญิงที่ตรวจพบว่ามีครรภ์แน่แล้วไม่ควรออกกำลังกายที่รุนแรง เช่น การวิ่ง
การออกกำลังกายที่หนักๆ นั้นย่อมทำให้ความร้อนในร่างกายสูงขึ้นอันเป็นสิ่งไม่พึงประสงค์ของทารกใน ครรภ์ นอกจากนี้การที่เลือดต้องถูกส่งไปยังกล้ามเนื้อมาก ๆ ย่อมทำให้เลือดที่ไปยังมดลูกน้อยลงได้ และไม่เป็นผลดีต่อทารกเช่นกัน
สรุปว่าการออกกำลังกายในระหว่างที่ตั้งครรภ์อยู่นั้น จะต้องทำด้วยความระวัง และควรเลือกออกกำลังกายที่พอเหมาะพอดี จะเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพของทั้งแม่และเด็กในท้อง รวมทั้งช่วยให้คลอดได้ง่ายขึ้นด้วย การปรึกษากับแพทย์ที่ดูแลอยู่เป็น วิธีที่ดี และปลอดภัยที่สุด สำหรับผู้หญิงที่มีปัญหาเรื่องอารมณ์ที่แปรปรวนในวัยที่เลือดจะไปลมจะมา คือในระยะที่จะหมดประจำเดือนนั้น ลองมาออกกำลังกายดู อาจทำให้ทุกอย่างดีขึ้นได้ โดยไม่ต้องใช้ยาเลยก็ได้ และที่เกิดประโยชน์อย่างแน่ๆ ก็คือการบางลง ของกระดูกที่จะต้องเกิดขึ้นในวัยนี้จะเกิดช้าลงมากทีเดียว
ที่มา
http://beauty.vwander.com/?subject=47