เครื่องแต่งกาย
ฝ่ายหญิงสวมเสื้อภูไทแขนกระบอก ห่มสไบขิดแดง(หากเป็นแบบฉบับกรมศิลปากรจะใช้ผ้าขาว) นุ่งผ้าซิ่นมัดหมี่ ผมเกล้ามวยทัดดอกไม้ สวมเครื่องประดับเงิน ฝ่ายชายสวมเสื้อม่อฮ่อมกางเกงขาก๊วย ใช้ผ้าขาวม้าคาดเอว และโพกศีรษะ

เซิ้งกระหยังเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย เนื่องจากนายนุ่ม อยู่ในธรรม รองอธิบดีกรมศิลปากร ขณะเป็นนักศึกษาของวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร รุ่นที่ ๑๒ ได้เดินทางไปสังเกตและดูงานกิจการต่าง ๆ ในจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เมื่อเดือนตุลาคม พ.ศ.2512 และมีโอกาสชมการแสดงเซิ้งกระหยัง
เมื่อพิจารณาแล้วเห็นว่าเป็นการแสดงที่น่าชมมีจังหวะรุกเร้าสนุกสนาน จึงให้ศิลปินกรมศิลปากรไปรับการถ่ายทอดจากศิลปินในอำเภอกุฉินารายณ์ จังหวัดกาฬสินธุ์
ท่าฟ้อนของเซิ้งกระหยังได้ดัดแปลงและนำเอาท่าฟ้อนจากเซิ้งอื่นๆ เช่น เซิ้งกระติบข้าว เซิ้งสาละวัน ฯลฯ เข้าผสมผสานกันแล้วมาจัดกระบวนขึ้นใหม่มีอยู่ 19 ท่า โดยจะแสดงในรูปแบบของการทำมาหากินโดยใช้กระหยังเป็นอุปกรณ์หลัก ซึ่งท่าฟ้อนจึงมีชื่อเรียกต่างๆ กัน เช่น ท่าไหว้ ท่าไท ท่าโปรยดอกไม้ ท่าขยับสะโพก ท่าจับคู่ถือกะหยัง ท่านั่งเกี้ยว ท่าสับหน่อไม้ ท่ายืนเกี้ยว ท่ารำส่าย ท่าเก็บผักหวาน ท่ากระหยังตั้งวง ท่าตัดหน้า ท่าสาละวัน ท่ากลองยาว ท่ารำวง ท่าชวนกลับ ท่าแยกวง ท่านั่ง

เครื่องดนตรี
การแสดงแบบดั้งเดิมของบ้านหนองห้างจะใช้พิณ แคน กลอง ฉาบและฉิ่งในการบรรเลงลายไปเรื่อยๆโดยไม่ได้กำหนดลายเพลง เพียงแค่ว่าลายเพลงไหนเข้ากับจังหวะกลองก็จะบรรเลงไปเรื่อยๆไม่ตายตัว
แต่หากเป็นแบบฉบับของกรมศิลปากรแล้วจะใช้วงดนตรีพื้นเมืองอีสานบรรเลงลาย เซิ้งบั้งไฟ
อุปกรณ์การแสดง กระหยัง

กระหยังที่ใช้ประกอบการแสดงเซิ้งกระหยัง ของบ้านหนองห้าง
อ้างอิง: ชัชวาลย์ วงษ์ประเสริฐ. ศิลปะการฟ้อน ภาคอีสาน . มหาสารคาม : มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒมหาสารคาม, 2532.
http://www.anurakthai.com/encyclopaedia/index.asp?rid=2&pageno=44
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น